ยุคที่ 1 หลอดสุญญากาศ ค. ศ. 1951-1958
- วงจรสร้างอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สร้างด้วย หลอดสุญญากาศ(vacuum tubes)
- หน่วยความจำสร้างจากดรัมแม่เหล็ก (magnetic drum)
- ใช้ บัตรเจาะรู (punch card) ในการเก็บข้อมูลและโปรแกรม
- คำสั่งหรือโปรแกรมสร้างด้วย ภาษาเครื่อง (machine language)
- คอมพิวเตอร์ยังทำงานช้า เกิดข้อผิดพลาดได้สูง
- ราคาแพงมาก
- ยากต่อการสร้างโปรแกรมควบคุมเครื่องคอมพิวเตอร์
ตัวอย่างคอมพิวเตอร์ในยุคแรก ได้แก่ UNIVAC
(Universal Automatic Computer)
หลอดสุญญากาศ
เครื่องคอมพิวเตอร์มาร์ค วัน
ยุคที่ 2 ทรานซิสเตอร์ (Transistor) ค. ศ. 1959 - 1964
- ใช้ ทรานซิสเตอร์(Transistor)
- ขณะทำงานมีความร้อนน้อยกว่า ใช้พลังงานไฟฟ้าน้อยกว่าการใช้หลอดสุญญากาศ
- มีความเร็วและความถูกต้องแม่นยำสูง
- หน่วยความจำภายในเป็น magnetic core
- หน่วยความจำภายนอกใช้ magnetic tape ที่มีความจุสูงกว่าบัตรเจาะรู
- เครื่องพิมพ์สามารถทำงานได้เร็วมาก 600 บรรทัดต่อนาที ภาษาที่ใช้สร้าง
- โปรแกรมเป็นภาษาระดับต่ำ (low-level language) ที่เรียกว่า
symbolic language ได้แก่ ภาษาแอสเซมบลี (Assembly)
และ ภาษาระดับสูง (high-level language) ได้แก่ ภาษา FORTRAN (ค.ศ. 1954)
ภาษา COBOL (ค. ศ. 1959) ที่ง่ายต่อการเขียนโปรแกรม
- เริ่มมีการนำคอมพิวเตอร์มาใช้ในหน่วยงานธุรกิจอย่างแพร่หลาย

ทรานซิสเตอร์
ยุคที่ 3 ไอซี (Integrated Circuits: IC) ค. ศ. 1965-1970
- ใช้วงจรรวมที่เรียกว่า Integrated Circuit : IC แทน Transistor
- IC มีคุณสมบัติทำงานได้อย่างรวดเร็ว มีความเชื่อถือได้สูงมากกว่าการใช้ Transistor
- ใช้จานแม่เหล็ก Magnetic disk มาใช้เก็บข้อมูลที่มีจำนวนมาก
- พัฒนาเครื่องพิมพ์ที่สามารถพิมพ์ได้เป็น 1,000 บรรทัด
- ภาษาที่ใช้สร้างโปรแกรมควบคุมคอมพิวเตอร์ยังคงใช้ภาษาระดับสูง
- มีการสร้างภาษา BASIC ขึ้นใช้ ทำให้ง่ายต่อการสร้างโปรแกรมสั่งงานคอมพิวเตอร์
- ตัวอย่างเครื่องคอมพิวเตอร์ได้แก่ System/630 ของบริษัท IBM
เครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก PDP-11 ของบริษัท DEC (Digital
Equipment Corporation)

วงจรรวม หรือวงจรไอซี
ยุคที่ 4 LSI, VLSI (Large and Very Large Scale Integration) ค. ศ. 1971-1990
- ใช้วงจรรวมขนาดใหญ่(Large Scale Integration circuit : LSI)
- วงจรมีทรานซิสเตอร์ (transistor) จำนวนหลายพันตัวอยู่บน ชิป(chip) เรียกว่า Microprocessor
- ต่อมาได้มีการพัฒนาให้เป็น VLSI (Very Large Scale Integration)
ที่สร้าง transistor จำนวนหลายล้านตัวลงบน Chip เพียงตัวเดียว
- Microprocessor มีประสิทธิภาพสูงมาก มีความเร็วมีหน่วยเป็น Nanosecond (1/1,000,000,000 วินาที)
- ตัวอย่างคอมพิวเตอร์ยุคนี้ได้แก่ Microcomputer ที่มีการใช้งานอย่างแพร่หลาย
ในปัจจุบันนี้

วงจรวีแอลเอสไอ
ยุคที่ 5 คอมพิวเตอร์ในอนาคต ปี ค.ศ. 1990 เป็นต้นมา
- เป็นคอมพิวเตอร์ที่มีความสามารถสูงมากๆ ทำงานได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
- หน่วยประมวลผลเป็น Microprocessor Chip ที่มีความเร็วสูงมาก ประกอบ
Register หลายสิบล้านตัว เช่น CPU Intel Pentium III ของบริษัท Intel
- มีความฉลาดในการประมวลผล เรียกว่า Intelligent Computer
มีลักษณะ ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) ระบบผู้เชี่ยวชาญ
(Expert System)
- เป็นคอมพิวเตอร์ที่เข้าใจภาษาธรรมชาติของมนุษย์(Natural Language)
- มีการวิจัยคอมพิวเตอร์ยุคที่ 5 ในญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และอังกฤษ เป็นต้น
- ภาษาคอมพิวเตอร์ที่ใช้เป็นภาษาระดับสูง ภาษาแบบ Visual เช่น Visual BASIC
- ประยุกต์ใช้งานทุกด้าน โดยเฉพาะการประมวลผลด้าน Multimedia
สรุป วิวัฒนาการคอมพิวเตอร์
วิวัฒนาการของคอมพิวเตอร์
คอมพิวเตอร์ยุคแรก
คอมพิวเตอร์ยุคแรก เป็นคอมพิวเตอร์ที่ใช้หลอดสุญญากาศ จึงมีปัญหาเรื่องความร้อนและไส้หลอดขาดบ่อย การสั่งงานใช้ภาษาเครื่องซึ่งเป็นรหัสตัวเลข
คอมพิวเตอร์ยุคที่สอง
เฟอร์ไรท์เป็นหน่วยความจำ มีอุปกรณ์เก็บข้อมูลสำรองในรูปของสื่อบันทึก แม่เหล็ก
คอมพิวเตอร์ยุคที่สาม
คอมพิวเตอร์ยุคที่สาม เป็นคอมพิวเตอร์ที่ใช้วงจรรวม โดยวงจรรวมแต่
ละตัวจะมีทรานซิสเตอร์บรรจุอยู่ภายใน
คอมพิวเตอร์ยุคที่สี่
คอมพิวเตอร์ยุคที่สี่ เป็นยุคของคอมพิวเตอร์ที่ใช้วงจรความจุสูงมาก
ทำให้ขนาดเครื่องคอมพิวเตอร์มีขนาดเล็กลงสามารถตั้งบนโต๊ะในสำนักงานหรือพกพาเหมือนกระเป๋าหิ้วไปในที่ต่างๆ ได้
คอมพิวเตอร์ยุคที่ห้า
คอมพิวเตอร์ยุคที่ห้า เป็นคอมพิวเตอร์ที่มนุษย์พยายามนำมาเพื่อช่วย
ในการตัดสินใจและแก้ปัญหาให้ดียิ่งขึ้น โดยจะมีการเก็บความรอบรู้ต่างๆ เข้าไว้ในเครื่อง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น